Netflix กับความท้าทายใน Hyper-personalization: ยิ่งเฉพาะเจาะจง ยิ่งปัง!
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Muvings! วันนี้เรามาคุยกันเรื่องเทรนด์การตลาดสุดฮอตที่กำลังมาแรงแซงทางโค้งกันเลยทีเดียว นั่นก็คือ “Hyper-personalization” หรือการทำการตลาดแบบเฉพาะเจาะจงสุดๆ นั่นเอง!
ทำไมลูกค้ายุคนี้ถึงอยากได้อะไรที่พิเศษ?
ลองนึกดูนะครับ ทุกวันนี้เราโดนยิงโฆษณาเข้ามาทุกช่องทาง จนบางทีก็รู้สึกเบื่อๆ ใช่ไหมล่ะ? นั่นแหละครับ ลูกค้าสมัยนี้เลยต้องการอะไรที่มากกว่าแค่โฆษณาทั่วๆ ไป พวกเขาอยากได้ประสบการณ์ที่รู้สึกว่า “นี่แหละ ใช่เลย!” เหมือนกับว่าแบรนด์เข้าใจพวกเขาจริงๆ
Table Of Content
ใช้ข้อมูลให้เป็น สร้าง Customer Journey สุดพิเศษ
การทำ Hyper-personalization นั้นต้องอาศัยข้อมูลเยอะมากๆ ครับ แต่ไม่ใช่แค่เก็บข้อมูลอย่างเดียวนะ ต้องรู้จักวิเคราะห์และนำมาใช้ให้เป็นด้วย ลองนึกภาพว่าคุณรู้ว่าลูกค้าชอบกินอาหารญี่ปุ่น ชอบดูหนังแนวไซไฟ และกำลังมองหาโน้ตบุ๊กเครื่องใหม่ คุณก็สามารถสร้าง journey ที่เริ่มจากการแนะนำร้านอาหารญี่ปุ่นใกล้บ้าน ต่อด้วยโปรโมชั่นตั๋วหนังเรื่องใหม่ และปิดท้ายด้วยข้อเสนอสุดพิเศษสำหรับโน้ตบุ๊กรุ่นล่าสุด เห็นไหมครับว่ามันเฉพาะเจาะจงขนาดไหน!
ความท้าทาย: ลองสร้าง Micro-segment ให้เล็กที่สุด!
นี่แหละครับที่เป็นเสน่ห์ของ Hyper-personalization การแบ่งกลุ่มลูกค้าแบบเก่าๆ อาจจะไม่พอแล้ว เราต้องพยายามแบ่งให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ ยกตัวอย่างเช่น แทนที่จะแค่ “ผู้หญิงวัยทำงาน” ลองแบ่งเป็น “ผู้หญิงโสดวัย 28-35 ปี ทำงานในเมือง ชอบเที่ยวต่างประเทศ และกำลังมองหาคอนโดใหม่” ดูสิครับ ยิ่งเฉพาะเจาะจงเท่าไหร่ เราก็ยิ่งสามารถสร้างประสบการณ์ที่ตรงใจได้มากขึ้นเท่านั้น!
เคสศึกษาที่น่าสนใจ: Netflix กับการแนะนำหนังที่ใช่
Netflix เป็นตัวอย่างที่ดีมากๆ ของการทำ Hyper-personalization ครับ พวกเขาไม่ได้แค่แนะนำหนังตามหมวดหมู่ทั่วไป แต่ใช้ข้อมูลการรับชมของเราเพื่อสร้างอัลกอริทึมที่แนะนำหนังได้ตรงใจสุดๆ บางทีถึงขั้นรู้ว่าเราชอบดูหนังแนวไหนในวันไหน เวลาไหนด้วยนะ เจ๋งไหมล่ะ?
Framework ที่นำไปใช้ได้จริง: PACE
ลองใช้ Framework PACE ดูนะครับ:
- Personalize: เก็บและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าอย่างละเอียด
- Automate: ใช้เทคโนโลยี AI และ Machine Learning ช่วยในการวิเคราะห์และส่งข้อความ
- Customize: ปรับแต่งเนื้อหาและข้อเสนอให้เหมาะกับแต่ละคน
- Evaluate: วัดผลและปรับปรุงอยู่เสมอ
ใช้ Framework นี้เป็นจุดเริ่มต้น แล้วค่อยๆ ปรับให้เข้ากับธุรกิจของคุณนะครับ
สุดท้ายนี้ อย่าลืมว่าการทำ Hyper-personalization นั้นต้องคำนึงถึงความเป็นส่วนตัวของลูกค้าด้วยนะครับ ทำให้พิเศษ แต่อย่าให้น่ากลัวจนเกินไปล่ะ!
แล้วคุณล่ะครับ มีไอเดียอะไรเจ๋งๆ เกี่ยวกับ Hyper-personalization บ้าง? แชร์กันมาได้ในคอมเมนต์เลยนะครับ!
#hyperpersonalization